สถาปัตยกรรมระฟ้า ที่สะท้อนบริบทเมือง 2 ยุค The Shard London / Renzo Piano

พบกันอีกครั้งกับ "Better Commercial Better Life" ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมสถาปัตยกรรมอาคารสูงระฟ้า ใจกลางกรุงลอนดอน ที่มีรูปโฉมทันสมัยแปลกตา ซึ่งในปัจจุบันเป็นอาคารสูงเสียดฟ้าที่มีความสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันตก ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ตามมาชมกันเลยครับ

ชื่ออย่างเป็นทางการของอาคารระฟ้าแห่งนี้คือ "the london bridge tower" หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนทั่วไปมักเรียกติดปากก็คือ "the shard  london" ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอยู่ข้าง London Bridge Station ทางตอนใต้ของแม่น้ำเทมส์ โครงการนี้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของนายกเทศมนตรีลอนดอน ซึ่งสอดรับกับนโยบายของการพัฒนาเมืองที่มีความหนาแน่นสูง โดยต้องการผลักดันให้การขนส่งสาธารณะมีบทบาทมากขึ้น พร้อมการวางแผนพัฒนา "เมืองแนวตั้ง" เพื่อรับมือกับประชากรที่เพิ่มขึ้นของกรุงลอนดอน ซึ่งการให้ลำดับความสำคัญของการขยายเมืองอย่างยั่งยืนนี้ ต้องอาศัยระบบอันมีประสิทธิภาพของการขนส่งสาธารณะที่ลดการใช้รถและช่วยในการลดปัญหาการจราจรในเมือง

 

"the shard  london" เป็นสถาปัตยกรรมระฟ้าที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการยุคใหม่ของเมือง ที่เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่ละเอียดอ่อน ซึ่งลอนดอนขึ้นชื่อเป็นเมืองที่มีมรดกทางสถาปัตยกรรมยุคเก่าอยู่มาก อาทิเช่น ลอนดอน บริดจ์ ,หอนาฬิกาบิ๊กเบน หรือ โบสถ์ยุคเก่าที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง ฉะนั้นการสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ขึ้นมาจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญละเอียดรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับมรดกทางวัฒธรรม ที่ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งของกรุงลอนดอนไปแล้วให้น้อยที่สุด

"the shard  london"ออกแบบโดยสตาร์สถาปนิกชาวอิตาเลียน Renzo Piano ร่วมกับ Richard Rogers สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ ที่ช่ำชองการออกแบบในลักษณะสมัยใหม่นิยมและคติคำนึงประโยชน์ (functionalist) "the shard  london" เป็นอาคารประเภท mixed-use tower มีความสูง(รวมเสาอากาศ) 309.6 เมตร มีทั้งหมด 72 ชั้น  จนกลายเป็นหนึ่งในอาคารระฟ้าที่มีความสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันตก โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวม 126,712 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยพื้นที่สำนักงาน,ร้านอาหารระดับห้าดาว,โรงแรม Shangri-La และที่อยู่อาศัย โดยเริ่มต้นก่อสร้างในปี 2008 จนแล้วเสร็จในปี 2012 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 อาคารแห่งนี้จึงมีโอกาสเผยตัวตนอันสง่าสู่สายตาชาวโลกนับล้านคนที่มาเยือนลอนดอน จนกลายเป็นอาคารที่น่าจดจำจนมีชื่อเสียงในระดับสากลมาจนถึงปัจจุบัน

และจุดเด่นของที่นี่ ที่จะพลาดไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนชั้นที่ 68, 69 และ 72 นับเป็นจุดชมวิวที่มีความสูงมากที่สุดของลอนดอนทันที ที่ตึกแห่งนี้สร้างเสร็จ โดยมีระบบลิฟต์ความเร็วสูง ที่เคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลด้วยความเร็ว 6เมตร/วินาที นำพาทุกท่านขึ้นไปด้านบนในเวลาไม่ถึงนาที ซึ่งความพิเศษของการชมวิวที่นี่ ก็คือวิวพาโนรามา ถ้าหากเป็นวันที่มีอากาศแจ่มใส จะสามารถมองออกไปได้ไกลถึง 64 กิโลเมตร หรือ 40 ไมล์ จากระดับความสูง 244 เมตร 

ที่มาของ Concept ในการออกแบบ บางครั้งก็มาอย่างไม่ทันตั้งตัวสักเท่าใหร่ จุดเริ่มต้น เริ่มขึ้นมาจาก เออร์ไวน์ เซลลาร์ ผู้ประกอบการที่มีฐานอยู่ในลอนดอน ตัดสินใจรื้อถอนอาคารสำนักงานซัทเธิร์กเพื่อพัฒนาพื้นที่ใหม่ อาคารแห่งนี้สร้างเมื่อคริสต์ทศวรรษที่ 1970 และตั้งอยู่ถัดจากสถานีรถไฟลอนดอนบริดจ์ ต่อมาเขาได้ไปกรุงเบอร์ลินเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ Renzo Piano พร้อมกับปรึกษาหารือในเรื่องการพัฒนาพื้นที่

เซลลาร์อ้างว่า ระหว่างรับประทานอาหาร Renzo Piano ได้กล่าวตำหนิดูถูกในเรื่องอาคารสูงทั้งหลาย จากนั้นเขาก็วาดแบบร่างประติมากรรมรูปร่างคล้ายภูเขาน้ำแข็งยอดแหลม โผล่พ้นแม่น้ำเทมส์ลงบนรายการอาหาร และบอกอีกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางรถไฟใกล้กับพื้นที่ก่อสร้างอาคาร ,ยอดแหลมของโบสถ์ยุคเก่า ,เรื่องราวของยอดแหลมแห่งลอนดอน ที่พรรณนาโดย Canaletto จิตรกรชาวเวนิสสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 และจากเสากระโดงเรือสำเภาในแม่น้ำเทมส์ จนหล่อรวมแนวคิดทั้งหมดทั้งมวล เพื่อถ่ายทอดสู่งานสถาปัตยกรรม

 

lสุดท้ายแนวคิด และแรงบันดาลใจในการออกแบบ "The Shard London" ก็ถูกสรุป และนำดอัตลักษณ์อันชัดเจนจากยอดแหลมสูงตระหง่านของโบสถ์ยุคเก่า และเสากระโดงเรือสำเภาที่ทอดสมอในแม่น้ำเทมส์ มาถ่ายทอดผ่านเส้นสายสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ด้วยการใช้โครงสร้างเหล็กเป็นหลัก ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกถูกห่อหุ้มด้วยกระจกเกือบ90% เพื่อเปิดมุมมองจากภายในสู่ภายนอกอย่างอิสระ  ถ้าหากมองในภาพรวมอาคารแห่งนี้เป็น Landmark ที่เด่นชัดในรูปทรงหอคอยแหลมสูง ซึ่งโดดเด่นเป็นสง่าเหนือน่านฟ้า Skyline ของกรุงลอนดอน โดยทำหน้าที่สะท้อนบริบทของเมือง เสมือนเป็นกระจกเงาขนาดใหญ่ที่ฉายภาพวิถีชีวิตของกรุงลอนดอนในแต่ละช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปนับจากนี้สู่อนาคต

"2013" ปฐมบทเปิดตัว "The Shard London" สุดอลังการ  สถาปัตยกรรมระฟ้าแห่งนี้ดูสุกสว่าง เจิดจ้ามีมิติในยามค่ำคืนเหนือน่านฟ้ากรุงลอนดอนอย่างตระการตา ด้วยแสงไฟเลเซอร์ 12 ดวง และไฟเสิร์ชไลต์อีก 30 ดวง คละเคล้าเสียงดนตรีบรรเลงอย่างได้อรรถรสจากวงลอนดอน ฟิลฮาร์โมนิก ออเคสตรา อันเป็นการเติมเต็มให้การเปิดตัวครั้งนี้ มีความสมบูรณ์ครบทุกมิติ

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก 

www.archdaily.com

www.designboom.com

image © sellar

#WAZZADU #BetterCommercial #BetterCommercialBetterLife #TheLondonBridgeTower #TheShardTower #RenzoPiano

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ